มีเมนูขนมหวานสูตรไทยโบราณมาแนะนำ เผื่อมีสมาชิกอยากลองทำกินทำขายกัน หรืออย่างน้อยก็เพื่อเป็นการอนุรักษ์สืบสานไว้ค่ะ สำหรับขนมหวานที่จะพาทำวันนี้ได้แก่เมนู “ข้าวเหนียวหน้าไข่แมงดาเทียม” หลังจากไม่ได้ทำขนมมาหลายวัน ไข่แมงดาเทียม เคยลงไว้ในขนมไข่ในรัง แต่วันนี้ใช้ไข่เป็ดล้วน เลยใส่แป้งเพิ่ม ใช้ไข่แดงไข่เป็ดล้วนสีเลยเข้มหน่อย แต่รสชาติอร่อยเหมือนเดิมค่ะ
**ส่วนผสม
1.ข้าวเหนียวมูน
– ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 1+1/2 ถ้วย
– น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
– กะทิ 1+1/2 ถ้วย
– ดอกเกลือ 1/2 ชช.
– ใบเตย 2 ใบ
– น้ำดอกอัญชัน 2 ชช.
2.ไข่แมงดาเทียม
– ไข่แดงไข่เป็ด 6 ฟอง
– แป้งทองหยอด 4 ชช. (ใช้แป้งข้าวเจ้าแทนได้ค่ะ)
– น้ำตาล 2 ถ้วย
– น้ำ 1+1/2 ถ้วย
– ใบเตย 2 ใบ
**วิธีทำ
1.ข้าวเหนียวมูน
– ล้างข้าวเหนียวใช้สารส้มขัดเบาๆ แล้วล้างข้าวจนน้ำใส แช่ข้าวไว้ 4 ชม. นำไปนึ่งให้สุก โดยใส่ใบเตยไว้ในข้าวด้วย
– ผสมกะทิ น้ำตาล ดอกเกลือ คนให้น้ำตาลละลาย ใส่น้ำดอกอัญชัน นำขึ้นตั้งเตา พอเดือดยกลง (ควรคนบ่อยๆ และอย่าตั้งเตานาน เพราะจะทำให้กะทิแตกมัน)
– ใส่ข้าวเหนียวลงไปในน้ำกะทิ ใช้พายไม้ค่อยๆคนให้เข้ากัน ปิดฝาพักไว้ 10 นาที แล้วคนให้เข้ากันอีกครั้ง พักไว้ 20 นาที ก็ใช้ได้แล้วค่ะ
2.ไข่แมงดาเทียม
– แยกไข่แดงออกจากไข่ขาว นำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง คนให้ไข่เข้ากันตีให้ขึ้นฟูเล็กน้อย แล้วผสมแป้งลงไป คนให้เข้ากัน ใส่กรวยใบตอง หรือถุงพลาสติกตัดมุม
– เตรียมน้ำเชื่อม ผสมน้ำตาลและน้ำ ใส่ใบเตยลงไป ตั้งให้เดือดสักครู่ ตักใบเตยออก
– นำไข่ขาวโรยลงไป 2 ชช. พอสุกตักขึ้น (น้ำเชื่อมที่จะใช้ทำต้องผ่านไข่ก่อน เพราะจะทำให้น้ำเชื่อมเป็นฟอง เวลาหยอดไข่ลงไปขนมจะเป็นเม็ดกลม ไม่แบน)
– รอให้น้ำเชื่อมเดือดแตกเป็นฟอง หยดไข่ลงไป พอสุกตักขึ้นพักไว้ เติมน้ำลงเพิ่มเล็กน้อย รอให้เดือดเป็นฟอง แล้วจึงหยดไข่ลงไปอีก ทำจนไข่หมด
* ถ้าน้ำเชื่อมเข้มข้นไป ไข่ที่หยดลงไปจะไม่เป็นเม็ดกลม
3.จัดข้าวเหนียวใส่กระทง หรือภาชนะอื่นๆ แล้วตักไข่แมงดาใส่ด้านบนค่ะ
สูตรนี้อร่อยมากนะคะ อธิบายไว้แบบละเอียดเผื่อมือใหม่นึกภาพไม่ออก แต่จริงๆทำไม่ยากหรอกค่ะ เพื่อนๆสมาชิกแฟนเพจ อย่าลืมหาเวลากลับไปลองทำเมนู “ข้าวเหนียวหน้าไข่แมงดาเทียม”ทานกันนะ หรือจะต่อยอดทำขายเพื่อเป็นรายได้อีกช่องทางก็นับว่าน่าสนใจทีเดียว อย่างน้อยก็เป็นการอนุรักษ์สืบสานสูตรขนมไทยให้คงอยู่คู่ครัวไทยค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตาม ถ้าคิดว่ามีประโยชน์ โปรดส่งต่อเพื่อเป็นวิทยาทานด้วยจ้า
ขอขอบคุณข้อมูลสูตรและภาพจาก.Supaporn Kumnodnae