แบ่งปันสูตรขนมอร่อย ที่หลายคนอาจไม่เคยกิน “ขนมเทียนสลัดงา” เป็นขนมไทยโบราณ อย่าว่าแต่คุ้นชื่อเลย หน้าตาก็ไม่ค่อยได้เห็นกันค่ะ ขนมไทยอร่อยนี้ทำจาก แป้งข้าวเหนียวดำกวนกับกะทิและน้ำตาล มีไส้ทำจากมะพร้าวกวนกับน้ำตาล พอปั้นเสร็จนำไปคลุกด้วยงาคั่ว ห่อด้วยใบตอง รสชาติหวาน หอมอร่อยมาก เราไปดูวิธีทำและส่วนผสมกันเลยค่ะ
*ส่วนผสม
1.ตัวแป้งด้านนอก
– ข้าวเหนียวดำ 1 ถ้วย (ล้างแล้วแช่น้ำ 1 คืน แล้วนำมาบดให้ละเอียด)
– กะทิ 2/3 ถ้วย
– เกลือ 1/4 ช้อนชา
– น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
– งาขาว + งาดำ อย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ (ล้างน้ำ แล้วนำไปคั่ว)
2.ไส้ขนม
– มะพร้าวทึนทึกขูด 2 ถ้วย
– น้ำตาลมะพร้าว 1/2 ถ้วย
– เกลือ 1 หยิบมือ
– เทียนอบขนม
3.ใบตอง ไม้กลัด
**วิธีทำ
1.ทำไส้ขนม
– ใส่น้ำตาลลงในกระทะ เติมน้ำสะอาดลงไป 1 ทัพพี คนให้น้ำตาลละลาย ใส่มะพร้าว และเกลือลงไป กวนส่วนผสมให้เข้ากัน และข้นเหนียวขึ้น สังเกตุจากมะพร้าวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน และมีลักษณะใสขึ้น ยกลงจากเตา พักไว้อุ่นๆ แล้วปั้นเป็นก้อนกลม ขนาด 1.5 ซม. ทำจนหมดไส้ที่กวนไว้ อบควันเทียนไว้ 1 คืน
2.แป้งหุ้มขนม
– นำข้าวเหนียวมาปั่นหรือโม่ โดยผสมน้ำ 1+1/2 ถ้วย ปั่นให้ละเอียด แล้วกรองด้วยกระชอน ใส่ลงในกระทะ กวนให้แป้งเริ่มข้น ใส่กะทิและเกลือลงไป กวนให้เข้ากัน พอส่วนผสมเริ่มข้นอีกครั้ง ใส่น้ำตาลลงไปกวนให้เข้ากัน โดยใช้ไฟกลางๆค่อนข้างอ่อน กวนให้ส่วนผสมเข้ากัน จนมีลักษณะเหนียว ขึ้นเงา และล่อนจากกระทะ ยกลงจากเตา พักไว้ให้คลายความร้อน
– ตักแป้งที่กวนไว้ 1/2 ชช. มาปั้นแล้วกดให้แบนๆ ใส่ไส้ที่เตรียมไว้ลงไป หุ้มแป้งให้มิดไส้ นำไปคลุกกับงาคั่ว ใส่ภาชนะไว้ ทำจนหมดไส้ขนม
– นำไปห่อใบตอง โดยห่อขนมให้เป็นรูปปิรามิดฐานสี่เหลี่ยม (ตามลักษณะของขนมเทียน) แล้วกลัดด้วยไม้กลัด
ภาพวิธีห่อขนมค่ะ
แนะนำเคล็ดลับ
– ปั้นขนม แป้งจะติดมือ ให้ใช้ถุงพลาสติกที่ใช้ใส่อาหาร ตัดออกให้เป็นแผ่นรองแป้งเวลาปั้น เพื่อไม่ให้ติดมือ
– ถ้าปั้นด้วยมือให้ใช้ น้ำตาล 2 ชต.+ น้ำ 2 ชต.ต้มให้เดือด พักให้หายร้อน นำมาไว้จุ่มนิ้วมือ เพื่อไม่ให้แป้งติดมือค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับเมนู “ขนมเทียนสลัดงา” ที่แอดมินนำมาฝากในวันนี้ เพื่อนๆอย่าลืมเอาไปทดลองทำตามสูตรที่แนะนำกันนะคะ หรือถ้ามีท่านใดสนใจอยากนำขนมเทียนสลัดงาไปทำขายเพื่อสร้างรายได้ ก็นับว่าน่าสนใจจริงๆ ถ้าคิดว่ามีประโยชน์โปรดส่งต่อเพื่อเป็นวิทยาทานด้วยจ้า ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลสูตรและภาพจาก.Supaporn Kumnodnae